ความคืบหน้าคดีคนร้ายฉุด น.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์ หรือ น้องสโนว์ หรือโสน นักเรียนหญิงชั้น ม.6 โรงเรียนประจำอำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อหวังข่มขืน แต่เหยื่อพยามต่อสู้จึงถูกคนร้ายทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ซึ่งตำรวจต้องใช้เวลาถึง 102 วัน ในการรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนจับกุมตัวนายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน หมู่ที่ 15 ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย เป็นผู้ต้องหาแต่ให้การปฏิเสธและอยู่ในระหว่างฝากขังผลัดที่ 3 แต่คดีนี้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี สภ.กมลาไสย ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ทัศนีย์ ค้าสุกร ภรรยา ผู้ใหญ่บ้านสถาน ที่โพสข้อความหมิ่นการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2559 เวลา 09.30 น.ที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ น.ส.ทัศนีย์ ค้าสุกร อายุ 28 ปี ภรรยา นายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน ผู้ต้องหาคดีฆ่าน้องสโนว์ ได้เดินทางเข้ามาให้ปากคำตามหมายเรียกของตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ โดยมี พ.ต.อ.กฤตชัย สรวมศรี ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ พ.ต.ท.ลังสรร ประคำ พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีฯ รับเรื่อง
การเข้าให้ปากคำตามหมายเรียกครั้งนี้ น.ส.ทัศนีย์ ค้าสุกร มีท่าทีนิ่งเฉย โดยเซ็นยอมรับในคำให้การว่าตนเองเป็นผู้โพสต์ข้อความนั้นจริง เนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะภายหลังจากที่ตำรวจได้เข้าจับกุมตัวนายกฤตเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน สามีของตนนั้น ทำให้รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
น.ส.ทัศนีย์ ค้าสุกร กล่าวว่า ยอมรับว่าเป็นคนโพสต์ข้อความนั้นจริง เพราะรู้สึกอัดอั้นตันใจ เพราะที่ผ่านมาก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเสมอมา ไม่ว่าจะนำสามีไปตรวจสุขภาพหรือตรวจหาหลักฐานอะไร ทุกเรื่องให้ความร่วมมือ แต่ก็มาเกิดเรื่องแบบนี้ ส่วนคำถามที่ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วเชื่อหรือไม่ว่า สามีของตนเป็นฆาตกรฆ่าน้องสโนว์ น.ส.ทัศนีย์ ไม่ตอบเพียงบอกว่าไปให้การในชั้นศาล ส่วนจะขอโทษตำรวจที่โพสข้อความหรือไม่นั้น น.ส.ทัศนีย์ ก็ไม่ยอมพูดอะไร
ด้าน พ.ต.อ.กฤตชัย สรวมศรี ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า การเข้ามาของ น.ส.ทัศนีย์ฯ เข้ามาให้ปากคำตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี “น้องสโนว์” สภ.กมลาไสย ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ ซึ่งก็จะเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย โดย น.ส.ทัศนีย์ ค้าสุกร ได้ถูกแจ้งข้อหาความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ โดยนับจากนี้ก็จะรวบรวมหลักฐานส่งพนักงานอัยการเพื่อฟ้องศาลต่อไป
ที่มา:http://www.thaijam.com/14777
0 comments:
Post a Comment